ย้อนเวลากลับไปสู่ญี่ปุ่นยุคกลาง
ภูมิภาคญี่ปุ่นตอนกลางเป็นที่ตั้งของปราสาท 3 แห่งที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นสมบัติแห่งชาติ ได้แก่ ปราสาทมัตสึโมโตะ ปราสาทอินุยาม และปราสาทฮิโกเนะ อาคารอันเก่าแก่ของปราสาทเหล่านี้ยังคงสภาพแบบอดีต ได้รับการรักษามาเป็นอย่างดีหลายร้อยปี คุณสามารถสัมผัสประสบการณ์ในอดีตของญี่ปุ่นแบบย้อนเวลากลับไปกว่า 400 ปี ได้ บนถนนเมืองปราสาทอันเก่าแก่ รวมไปถึงตามถนนสายหลักที่เชื่อมต่อระหว่างเมืองโตเกียวและเกียวโตในเวลานั้น
[อำเภอมัตสึโมโตะ จังหวัดนากาโนะ]
สมบัติแห่งชาติ
ปราสาทมัตสึโมโตะถือเป็นปราสาท (สมบัติแห่งชาติ) ที่เก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่นในบรรดาตัวปราสาทที่มีห้าชั้นด้านนอกและหกชั้นด้านในซึ่งยังมีหลงเหลืออยู่ในปัจจุบัน ปราสาทที่มีวิวภูเขาแอลป์แห่งญี่ปุ่นตั้งตระหง่านอยู่ไกลๆ แห่งนี้เป็นจุดชมวิวที่สวยงามที่หาที่ใดเปรียบไม่ได้
ป้อมชมจันทร์ถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นสถานที่มอบความบันเทิงของโชกุนในทุกครั้งที่เขาไปเยือน ในอาคารไม่มีอาวุธเพราะสร้างขึ้นในช่วงเวลาแห่งความสงบสุข
ร้านอาหารญี่ปุ่น โซโซอัน (ภายในบิวะโนะยุ)
ทำไมไม่ลองนั่งรถลากแบบญี่ปุ่นโบราณรอบเมืองปราสาทมัตสึโมโตะดูล่ะ คนลากรถจะแนะนำจุดที่น่าสนใจของสถานที่ท่องเที่ยวในท้องถิ่นให้กับคุณขณะที่เขาลากรถพาคุณไปรอบ ๆ เมือง
สมาคมรถลากมัตสึโมโตะ
โทร. 080-4806-8177 (โคอิซุมิ)
ย่านการค้านาวาเตะโดริ ณ มัตสึโมโตะที่อยู่ห่างจากปราสาทมัตสึโมโตะโดยใช้เวลาเดินเพียง 5 นาทีจากถนนใหญ่มัตสึโมโตะนั้น เรียงรายไปด้วยร้านค้าที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในอาคารแบบตึกแถวสไตล์นากายะ ทิวทัศน์ถนนในสมัยโบราณของที่นี่ได้รับการสร้างขึ้นใหม่ ทำให้ผู้ที่มาเยี่ยมชมได้สัมผัสกับบรรยากาศแบบย้อนยุค
[อำเภออินุยามะ/จังหวัดไอจิ]
สมบัติแห่งชาติ
ป้อมปราสาทที่สร้างขึ้นเมื่อปี 1537 นั้นเป็นรูปแบบของปราสาทที่เก่าแก่ที่สุดในบรรดาป้อมปราสาทที่ยังคงเหลืออยู่ของญี่ปุ่น ทิวทัศน์จากชั้นบนสุดของป้อมปราสาทที่ตั้งอยู่บนเนินเขาและอยู่ริมแม่น้ำนั้นเป็นทิวทัศน์ที่สวยงามแบบไร้ที่เปรียบ และที่ด้านล่างปราสาทยังมีถนนเก่าแก่ของเมืองปราสาทอยู่ด้วย
ออกมาที่ระเบียงและเพลิดเพลินกับวิวพาโนรามา 360 องศา เช่น เมืองอินุยามะ สายน้ำของแม่น้ำคิโซะ
ลองมาสวมชุดกิโมโนแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นแล้วไปเดินเล่นในเมืองรอบปราสาทกันไหม เนื่องจากการเช่าได้รวมชุดด้านในและรองเท้าเกตะไว้แล้ว ดังนั้นจึงไม่มีปัญหาแม้คุณจะมาแบบมือเปล่า
แผ่นไม้เขียนคำอธิษฐานรูปหัวใจ
ศาลเจ้าตั้งอยู่เชิงเขาซึ่งเป็นที่ตั้งของปราสาทอินุยามะ แผ่นไม้เขียนคำอธิษฐานรูปหัวใจสีชมพูได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในหมู่ผู้หญิง
ศาลเจ้าซังโคอินาริเป็นศาลเจ้าที่มีประวัติศาสตร์และตั้งอยู่เชิงเขาชิโรยามะ บนยอดเขาชิโรยามะมีปราสาทอินุยามะที่คับคั่งไปด้วยผู้ที่มาเยี่ยมชม อีกทั้งเอมะ แผ่นเขียนคำอธิษฐานรูปหัวใจสีชมพูแสนน่ารักก็ยังเป็นที่นิยมในกลุ่มสาวๆ อีกด้วย
ครอกโชวะย้อนยุค(ค.ศ.1926–ค.ศ.1989)แห่งเมืองล่างปราสาทแห่งนี้ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของปราสาทอินุยามะ ด้วยร้านอาหารและร้านขายของที่ระลึกที่ตั้งเรียงรายตามถนนนั้นชวนให้นึกถึงอดีต ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถเพลิดเพลินไปกับการ "ทัวร์รับประทานอาหาร" ได้อีกด้วย
ร้านชาแห่งนี้ตั้งอยู่ตรงทางเข้าตรอกโชวะในเมืองล่างปราสาทอินุยามะ เมนูของร้านนี้ประกอบไปด้วยอาหารที่มีหน้าตาน่ารักและมีสีสันสะดุดตา ทำให้ฐานแฟนคลับส่วนใหญ่ของทางร้านเป็นผู้หญิง
[อำเภอฮิโคเนะ จังหวัดชิกะ]
สมบัติแห่งชาติ
ปราสาทสามชั้นที่มีพื้นราบบนยอดเขาสูงสามชั้นนี้สร้างขึ้นเมื่อ 400 ปีก่อนตามคำสั่งของโทคุกาวะ อิเอยาสึ กล่าวกันว่าภายในของปราสาทที่ยังหลงเหลืออยู่นั้นได้รับการอนุรักษ์ให้อยู่ในสภาพที่ดีที่สุดในบรรดาปราสาทเก่าที่เหลืออยู่ในญี่ปุ่น
ปราสาทฮิโคเนะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวด้วยรูปลักษณ์ที่สวยงาม ซึ่งเกิดจากการรวมหน้าจั่วแบบคิริสึมะฮาฟุ แบบอิริโมยะฮาฟุ และแบบคะระฮาฟุเข้าไว้ด้วยกัน
นักท่องเที่ยวสามารถนั่งเรือสำราญลำเล็กสไตล์ญี่ปุ่นรอบคูน้ำของปราสาทฮิโคเนะได้ เชิญมาเพลิดเพลินกับทิวทัศน์อันสวยงามในแต่ละฤดูกาลที่มองเห็นได้จากเรือ
[อำเภอนาโกย่า/จังหวัดไอจิ]
ร่องรอยสำคัญทางประวัติศาสตร์
ปราสาทนาโกย่าได้ชื่อว่าเป็น “ปราสาทที่เป็นสุดยอดแห่งการออกแบบและก่อสร้างปราสาทสมัยใหม่ตอนต้น” หลังจากที่โทคุกาวะ อิเอยาสุได้สร้างปราสาทขึ้นเพื่อแสดงอำนาจของตนให้โลกเห็น ปราสาทก็เจริญรุ่งเรืองอย่างภาคภูมิใจในฐานะที่เป็นที่พำนักของตระกูลโอวาริ-โทคุกาวะ (ขณะนี้ ผู้เข้าชมไม่สามารถเข้าไปในตัวปราสาทได้)
เป็นหินก้อนใหญ่ที่สุดในบรรดารั้วหินของปราสาทนาโกย่า
เป็นสัญลักษณ์ของปราสาทนาโกย่าที่เปล่งประกายสีทองอยู่บนหลังคาของปราสาท
ตัวปราสาทฮอมมารุใหม่ใช้เวลาถึง 10 ปี กว่าจะสร้างเสร็จ โดยตัวอาคารได้สร้างขึ้นใหม่ตามแบบแปลนจริงจากสมัยเอโดะ ภาพขนาดจริงซึ่งร่างขึ้นมาในช่วงต้นสงครามโชวะ ภาพถ่ายเก่า และอื่นๆ สร้างเสร็จเมื่อปี 2018
โถงทางเข้าของปราสาทตกแต่งด้วยภาพจิตรกรรมฝาผนังที่วาดภาพดงไผ่ที่มีเสือดาวและเสือบนพื้นหลังสีทอง
โจราคุเด็งเป็นห้องที่ถูกต่อเติมขึ้นมาเพื่อใช้เป็นสถานที่พักผ่อนสำหรับโชกุนเมื่อแวะมาที่นี่ เป็นห้องที่มีการตกแต่งอย่างงดงามที่สุดในพระราชวังฮอมมารุ นอกจากฟุสึมะเอะ (ภาพวาดประตูบานเลื่อน) และเทนโจอิตะ-เอะ (ภาพวาดบนเพดาน) แล้ว ลองสังเกตดูรายละเอียดของการประดับตกแต่งที่ทำไว้อย่างวิจิตรด้วยล่ะ
[อำเภอโอคาซากิ/จังหวัดไอจิ]
ปราสาทแห่งนี้เป็นปราสาทที่โทคุกาวะ อิเอยาสุได้ถือกำเนิดขึ้น ตัวปราสาทเป็นอาคารที่ได้รับการบูรณะเมื่อ 60 ปีก่อน ปัจจุบันภายในปราสาทกลายเป็นพิพิธภัณฑ์เอกสารเชิงประวัติศาสตร์
วัดไดจูจิเป็นวัดแห่งเดียวในญี่ปุ่นที่ประดิษฐานแผ่นจารึกขนาดเท่าตัวจริงสำหรับโชกุนรุ่นต่อๆ มาของโทคุกาวะ ทิวทัศน์ของปราสาทโอคาซากิจากวัดวัดไดจูจิเปรียบเสมือนกรอบรูป โอนาริ-โนะ-มะ ภาพวาดบนประตูบานเลื่อนในห้องโชกุน ซึ่งถูกกำหนดให้เป็นสมบัติทางวัฒนธรรมที่สำคัญของชาติ ในอดีตมีเพียงโชกุนเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้เข้าไป เป็นสิ่งที่ห้ามพลาดชม
Vista Line คือเส้นตรงที่มีความยาวประมาณ 3 กม. เชื่อมระหว่างปราสาทโอคาซากิกับวัดไดจูจิ เชิญมาสัมผัสการชมทิวทัศน์เชิงประวัติศาสตร์ของปราสาทโอคาซากิซึ่งจะมองเห็นวิวผ่านประตูของวัดไดจูจิ
[อำเภอคิโยสุ จังหวัดไอจิ]
ในปีค.ศ. 1555 ท่านโอดะ โนบุนางะได้เดินทัพมาจากปราสาทนาโกย่าและเข้ายึดครองปราสาทคิโยสึ ในปี ค.ศ. 1560 เขาได้รับชัยชนะในยุทธการโอเกะฮาซามะ โดยถือเป็นก้าวแรกสู่การรวมญี่ปุ่นจากปราสาทคิโยสุ ปราสาทแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นใหม่ในปีค.ศ. 1989 ในปัจจุบันตัวอาคารหลักของปราสาทมีการจัดแสดงนิทรรศการและรูปภาพต่างๆ ที่แนะนำเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของคิโยสึให้นักท่องเที่ยวได้มาชม
[อำเภอกิฟุ จังหวัดกิฟุ]
ในปี ค.ศ. 1567 (บางแหล่งบอกว่าปี ค.ศ. 1564) โอดะ โนบุนากะได้เข้ายึดครองปราสาทแห่งนี้ ซึ่งรู้จักกันในชื่อ “ปราสาทอินาบะยามะ”และเข้าครอบครองพื้นที่โดยรอบ ต่อมาเขาได้เปลี่ยนชื่อของภูมิภาคนี้ให้เป็น “กิฟุ” และปราสาทกิฟุกลายเป็นฐานหลักในการรวมประเทศญี่ปุ่นเป็นหนึ่งเดียว ตัวปราสาทในปัจจุบันถูกสร้างขึ้นใหม่ในปี 1956 และสามารถเดินทางด้วยกระเช้าลอยฟ้าเพื่อไปยังหอคอยปราสาทที่อยู่บนยอดเขาคินกะ
[อำเภอโอกาคิ จังหวัดกิฟุ]
ปราสาทโอกาคิมีหอคอยสูงสี่ชั้นซึ่งหายากในบรรดาปราสาทญี่ปุ่น โดยที่นี่เป็นที่ตั้งของการต่อสู้ที่กล้าหาญระหว่างยุทธการที่เซกิงาฮาระในปี ค.ศ. 1600 ตัวปราสาทปัจจุบันถูกสร้างขึ้นใหม่ในปีค.ศ. 1959 หลังจากที่ปราสาทเดิมถูกถล่มในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง
[อำเภอกุโจ จังหวัดกิฟุ]
ปราสาทแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นป้อมปราการในปี ค.ศ. 1559 ในช่วงปลายยุครัฐสงคราม ปราสาทกุโจฮาจิมัน เป็นปราสาทยอดนิยมที่ตั้งอยู่บนยอดเขาที่ให้ทัศนียภาพกว้างไกลของเมืองล่างปราสาท ที่นี่คุณจะได้สัมผัสกับธรรมชาติทั้งสี่ฤดูกาล และบริเวณปราสาทก็เป็นเส้นทางยอดนิยมสำหรับการเดินเช่นกัน ตัวปราสาทในปัจจุบันถูกสร้างขึ้นใหม่ในปีค.ศ. 1933 ถือเป็นหอคอยปราสาทไม้ที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น
เมืองรอบปราสาทที่ตั้งอยู่เชิงปราสาทกุโจฮาจิมันและยังคงหลงเหลือรูปลักษณ์ภายนอกแบบสมัยเอโดะ มีบ้านเรือนโบราณและทางน้ำที่ไหลผ่านหน้าบ้านเหล่านั้น คุณจึงจะได้สัมผัสวิถีชีวิตในท้องถิ่นซึ่งไม่ต่างกับในสมัยก่อน อีกทั้งที่นี่ยังเป็นเมืองที่โด่งดังเรื่องน้ำใสโดยมี "น้ำผุดโซงิซุย" เป็นสิ่งที่ภูมิใจนำเสนอและยังมี "การระบำกุโจโอโดริ" ที่จัดขึ้นในฤดูร้อนอีกด้วย
[อำเภอเอนะ จังหวัดกิฟุ]
ปราสาทอิวามุระเป็นปราสาทที่ตั้งอยู่บนยอดเขาที่สวยเกินคำบรรยาย สร้างขึ้นที่ระดับความสูง 717 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลและใช้ประโยชน์จากความชันของภูเขาซึ่งมีความสูงต่างกัน 180 ม. เพื่อเป็นการป้องกันข้าศึกโดยใช้ธรรมชาติ อีกทั้งยังอาศัยสภาพอากาศที่มักมีหมอกปกคลุมเพื่อใช้เป็นประโยชน์ในการสร้างปราสาท จนมีชื่อเรียกอีกชื่อว่า "ปราสาทหมอก" สร้างขึ้นเมื่อราวปีค.ศ. 1221 ปราสาทมีประวัติศาสตร์อันยาวนานและในปัจจุบันนักท่องเที่ยวสามารถชมซากปรักหักพังของปราสาทอิวามุระ รวมถึงกำแพงหินหกชั้นอันงดงามได้
เมืองปราสาทแห่งนี้ยังคงรักษาลักษณะทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมและทิวทัศน์ถนนที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวด้วยทิวทัศน์ที่ไม่สามารถมองเห็นได้จากที่อื่น เช่น มะซุกะตะ (กรอบสี่เหลี่ยมที่มีประตูสองบานทำมุมฉากกันเพื่อป้องกันการบุกโดยตรงและเพื่อเพิ่มความแข็งแรงในการป้องกัน) และยังมีทางน้ำที่ไหลผ่านใจกลางเมือง บริเวณรอบบ้านเรือนโบราณที่ยาวทั้งหมดประมาณ 1.3 กม.นั้นในปัจจุบันนี้ก็ยังมีร้านค้า บ้านเก่า กำแพงสไตล์นามาโกะ (มีลวดลายตารางสีขาวบนหินชนวนสีดำ)ฯลฯ เมืองนี้เต็มไปด้วยร้านค้าที่จำหน่ายอาหารท้องถิ่นที่มีชื่อเสียง เช่น เค้กฟองน้ำคาสเทลล่า โกเฮโมจิ และคังคาระโมจิชื่อดัง รวมถึงโรงหมักสุราท้องถิ่นตั้งอยู่ตามจุดต่างๆ อีกด้วย ทำให้ที่นี่กลายเป็นสถานที่ที่สมบูรณ์แบบสำหรับการ "ทัวร์รับประทานอาหาร"
[อำเภอนากาสึกาวะ จังหวัดกิฟุ]
ปราสาทนาเอกิถูกสร้างขึ้นบนภูเขาชิโรยามะ (432 เมตร) สูงตระหง่านเหนือฝั่งขวาของแม่น้ำคิโซ ซึ่งไหลไปทางทิศตะวันออก-ตะวันตกผ่านใจกลางเมืองนากะสึกาวะในจังหวัดกิฟุ กำแพงหินของปราสาทนาเองิที่เรียกกันว่าหาได้ยากในญี่ปุ่นนั้นใช้ประโยชน์มาจากหินผาขนาดมหึมาจากธรรมชาติ ทิวทัศน์จากจุดชมวิวที่ตั้งอยู่บนร่องรอยตัวปราสาทนั้นมีความสวยงามโดดเด่น และเป็นทิวทัศน์อันงดงามที่มองออกไปเห็นภูเขาเอนะ แม่น้ำคิโสะ และย่านเมืองได้ ทั้ง 360 องศา
[อำเภออินะ จังหวัดนากาโนะ]
ปราสาททาคาโตะเป็นหนึ่งในปราสาท 100 อันดับแรกของญี่ปุ่นและอดีตปราสาทของทาเคดะ ขุนศึกที่ต่อสู้กับโนบุนางะ โอดะ วันนี้สถานที่ดังกล่าวมีชื่อเสียงในฐานะจุดชมซากุระยอดนิยมแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น ความหลากหลายของดอกซากุระมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและเป็นที่รู้จักในชื่อ "ทะคะโตะฮิกังซากุระ" มีลักษณะเด่นคือมีขนาดเล็กและมีสีออกไปทางแดงเข้ม ในช่วงฤดูซากุระบานทั้งปราสาทจะถูกย้อมเป็นสีชมพูและดอกโคฮิกังซากุระที่บานสะพรั่งและโคฮิกันซากุระที่บานพร้อมกันได้รับการกล่าวขานว่าสวยงามที่สุดในโลก
[อำเภออิกะ/จังหวัดมิเอะ]
ปราสาทอิกะ อุเอะโนะสร้างขึ้นเมื่อปี 1585 และได้รับการซ่อมบำรุงครั้งใหญ่โดยโทโดะ ทาคาโทระ ผู้ปกครองปราสาท ปราสาทสามชั้นสีขาวที่งดงามแห่งนี้มีรูปร่างคล้ายกับนกฟีนิกซ์ที่เก็บปีกไว้จึงมีอีกชื่อเรียกนึงว่า "ปราสาทฟีนิกซ์สีขาว" กำแพงหินของปราสาทอิกะ อุเอะโนะมีความสูงเป็นอันดับ 1 หรือ 2 ของญี่ปุ่น ในปัจจุบัน ปราสาทและพื้นที่ใกล้เคียงเป็นส่วนหนึ่งของสวนอุเอะโนะและยังมีพิพิธภัณฑ์ที่ระลึกบะโช (Basho Memorial Museum) และ พิพิธภัณฑ์อิกะริว นินจา (Iga-ryu Ninja Museum) ซึ่งเป็นอีกสถานที่ท่องเที่ยวในอิกะ อุเอะโนะอีกด้วย